คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) ของ “ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์”
คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (“ประกาศ”) นี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ท่านซึ่งเป็นผู้ใช้งาน ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ (ซึ่งต่อไปในประกาศนี้ เรียกว่า “กิจกรรมการประมวลผล”) ได้ทราบและเข้าใจรูปแบบการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (“ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) (ซึ่งต่อไปในประกาศนี้ เรียกว่า “สพร.”) ดำเนินการในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมจากท่าน เพื่อการดำเนินการภายใต้กิจกรรมการประมวลผลนี้
สพร. ได้พัฒนา “ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับส่งหนังสือในรูปแบบดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐซึ่งมีระบบงานที่สอดคล้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พศ. ๒๕๒๖ ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๔๘ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๐ และฉบับที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๖๔
ทั้งนี้ สพร. จะดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ดังนี้
- ฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
สพร. ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการภายใต้ฐาน ดังต่อไปนี้
๑.๑ ความจำเป็นในการดำเนินงานตามภารกิจสาธารณะหรือการใช้อำนาจรัฐ (Public tasks) โดย สพร. จำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อใช้อำนาจอย่างเป็นทางการ ซึ่งครอบคลุมถึงหน้าที่และอำนาจที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเพื่อปฏิบัติงานเฉพาะเพื่อสาธารณะประโยชน์ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๑๐ และพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๘
๑.๒ ฐานการปฏิบัติตามสัญญา เพื่อการพิจารณาอนุมัติใช้ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์
- สพร. เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเพื่อวัตถุประสงค์ใด
๒.๑ เพื่อใช้ตรวจสอบ และยืนยันตัวตนผู้ใช้บริการ ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีสิทธิในการใช้ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์
๒.๒ เพื่อการให้บริการต่าง ๆ แก่ผู้ใช้บริการ ในบางกรณี สพร. อาจจำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านสามารถเข้าถึงบริการบางอย่าง เช่น การลงลายมือชื่อบนเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature) เป็นต้น
๒.๓ เพื่อการปรับปรุงประสบการณ์การได้รับบริการของท่าน โดย สพร. จะทำความเข้าใจพฤติกรรมและแนวคิดของผู้ใช้บริการผ่านพฤติกรรม วิธีการใช้บริการของผู้ใช้บริการ และแบบสอบถามต่าง ๆ เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการของ สพร. ซึ่งเป็นไปภายใต้ขอบเขตของหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
๒.๔ เพื่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบ
๒.๕ เพื่อการวิเคราะห์ทางสถิติของการใช้บริการและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของระบบ และเพื่อความจำเป็นในการติดต่อประสานงาน การสอบถาม การแจ้งข่าวสาร และการดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องกับระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่ สพร. เก็บรวบรวมและใช้
ตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งในข้อ ๒. สพร. เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ โดยมีรายการข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่จำเป็นที่เก็บรวบรวม แหล่งข้อมูล และจุดประสงค์ในการใช้ข้อมูล ดังต่อไปนี้
- คุกกี้
สพร. เก็บรวบรวมและใช้คุกกี้รวมถึงเทคโนโลยีอื่นในลักษณะเดียวกันในเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับบริการนี้ หรือบนอุปกรณ์ของท่านตามแต่บริการที่ท่านใช้งาน ทั้งนี้ เพื่อการดำเนินการด้านความปลอดภัยในการให้บริการ และเพื่อให้ท่านซึ่งเป็นผู้ใช้งานได้รับความสะดวกและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานบริการของ สพร. และข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปเพื่อปรับปรุงระบบของ สพร. ให้ตรงกับความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น โดยท่านสามารถตั้งค่าหรือลบการใช้งานคุกกี้ได้ด้วยตนเองจากการตั้งค่าในเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ของท่าน
- สิทธิตาม พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒
ผู้ใช้บริการมีสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังต่อไปนี้
๕.๑ สิทธิในการเข้าถึง รับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ รวมถึงขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่ สพร. เก็บรวบรวมโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้บริการ เว้นแต่กรณีที่ สพร. ต้องดำเนินการตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่การเข้าถึงและรับสำเนาของผู้ใช้บริการจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
๕.๒ สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
๕.๓ สิทธิในการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ โดยผู้ใช้บริการมีสิทธิขอให้ สพร. ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการไม่สามารถระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลได้ ทั้งนี้ การใช้สิทธิลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
๕.๔ สิทธิในการขอให้ สพร. ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ในกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้
๕.๔.๑ เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ สพร. ได้ตรวจสอบตามคำร้องขอของผู้ใช้บริการเพื่อให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน
๕.๔.๒ ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
๕.๔.๓ เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่ สพร. ได้แจ้งแก่ผู้ใช้บริการในการเก็บรวบรวม เว้นแต่ผู้ใช้บริการประสงค์ให้ สพร. เก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมายของผู้ใช้บริการ
๕.๔.๔ เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ สพร. อยู่ระหว่างพิสูจน์ถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่ผู้ใช้บริการได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ
๕.๕ สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ เว้นแต่กรณีที่ สพร. มีเหตุในการปฏิเสธคำขอของผู้ใช้บริการโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น สพร. สามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะตามภารกิจของ สพร. เป็นต้น)
๕.๖ สิทธิในการขอถอนความยินยอม ในกรณีที่ผู้ใช้บริการได้ให้ความยินยอมแก่ สพร. ในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ใช้บริการมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการถูกเก็บรักษาโดย สพร. เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายหรือเงื่อนไขการใช้บริการให้ สพร. จำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลต่อไป
๕.๗ สิทธิในการขอรับ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล โดยผู้ใช้บริการมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการจาก สพร. ได้ ในกรณีที่ สพร. ได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยวิธีการอัตโนมัติ รวมถึงอาจขอให้ สพร. ส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น ทั้งนี้ การใช้สิทธินี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด
- การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
ในบางกรณี สพร. อาจจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการไปยังต่างประเทศ เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ เช่น เพื่อส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปยังระบบคลาวด์ (Cloud) ที่มีแพลตฟอร์มหรือเครื่องแม่ข่าย (Server) อยู่ต่างประเทศ (เช่น ประเทศสิงคโปร์ หรือสหรัฐอเมริกา เป็นต้น) เพื่อสนับสนุนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริการของ สพร. ที่ผู้ใช้บริการใช้งานหรือมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นรายกิจกรรม โดย สพร. ได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ส่งหรือโอนไปยังต่างประเทศที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้
๖.๑ เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดให้ สพร. ต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
๖.๒ สพร. ได้แจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบและได้รับความยินยอมจากผู้ใช้บริการในกรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ ทั้งนี้ ตามประกาศรายชื่อประเทศที่คณะกรรมการคุ้มครองส่วนบุคคลประกาศกำหนด
๖.๓ เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ผู้ใช้บริการเป็นคู่สัญญากับ สพร. หรือเป็นการทำตามคำขอของผู้ใช้บริการก่อนการเข้าทำสัญญานั้น
๖.๔ เป็นการกระทำตามสัญญาของ สพร. กับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการ
๖.๕ เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของผู้ใช้บริการหรือของบุคคลอื่น เมื่อผู้ใช้บริการไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้
๖.๖ เป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
- ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
สพร. จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการไว้ในระยะเวลาเท่าที่ข้อมูลนั้นยังมีความจำเป็น ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลและตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาและข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการสิ้นความจำเป็น ตามวัตถุประสงค์และตามกฎหมายดังกล่าวแล้ว สพร. จะทำการลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการไม่สามารถระบุตัวตนได้ต่อไป อย่างไรก็ดี ในกรณีที่มีข้อพิพาท การใช้สิทธิหรือคดีความอันเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ สพร. ขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุด
- การให้บริการโดยบุคคลที่สามหรือผู้ให้บริการช่วง
สพร. อาจมีการมอบหมายหรือจัดซื้อจัดจ้างบุคคลที่สาม (ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล) ให้ทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของ สพร. ซึ่งบุคคลที่สามดังกล่าวอาจเสนอบริการในลักษณะต่าง ๆ เช่น การเป็นผู้ดูแล (Hosting) รับงานบริการช่วง (Outsourcing) หรือเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ (Cloud computing service/provider) หรือเป็นงานในลักษณะการจ้างทำของในรูปแบบอื่น
การมอบหมายให้บุคคลที่สามทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น สพร. จะจัดให้มีข้อตกลงระบุสิทธิและหน้าที่ของ สพร. ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและของบุคคลที่ สพร. มอบหมายในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงกำหนดรายละเอียดประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่ สพร. มอบหมายให้ประมวลผล รวมถึงวัตถุประสงค์ ขอบเขตในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและข้อตกลงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามขอบเขตที่ระบุในข้อตกลงและตามคำสั่งของ สพร. เท่านั้น
ในกรณีที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีการมอบหมายผู้ให้บริการช่วง (ผู้ประมวลผลช่วง) เพื่อทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล สพร. จะกำกับให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจัดให้มีเอกสารข้อตกลงระหว่างผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ประมวลผลช่วง ในรูปแบบและมาตรฐานที่ไม่ต่ำกว่าข้อตกลงระหว่าง สพร. กับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อเป็นการปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้มีความมั่นคงปลอดภัย และป้องกันมิให้ผู้อื่นที่ไม่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูล รวมถึงรักษาความถูกต้องของข้อมูล ผู้ใช้บริการจะต้องไม่เปิดเผยรหัสผ่านให้กับบุคคลภายนอกทราบ หากผู้ใช้บริการได้มีการแบ่งปัน หรือเปิดเผยรหัสผ่าน หรือข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานให้กับบุคคลอื่น หรือแม้ว่าในกรณีใด ๆ ที่ผู้ใช้บริการไม่สามารถรักษาความลับในรหัสผ่านส่วนตัว หรือไม่สามารถควบคุมการใช้งานของรหัสผ่านของผู้ใช้งานระบบได้ ผู้ใช้บริการจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับการกระทำใด ๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้ชื่อหรือบัญชีของผู้ใช้บริการ โดยถือว่าเป็นการกระทำโดยผู้ใช้บริการเองและต้องรับผิดตามกฎหมายในฐานะที่ผู้ใช้บริการเป็นเจ้าของบัญชี
สพร. มีมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล โดยการจำกัดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลให้สามารถเข้าถึงได้โดยเจ้าหน้าที่เฉพาะรายหรือบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่หรือได้รับมอบหมายที่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้แล้วเท่านั้น ซึ่งบุคคลดังกล่าวจะต้องยึดมั่น และปฏิบัติตามมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของ สพร. อย่างเคร่งครัด ตลอดจนมีหน้าที่รักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนเองรับรู้จากการปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ โดย สพร. มีมาตรการรักษา ความปลอดภัยข้อมูลทั้งในเชิงองค์กรหรือเชิงเทคนิคที่ได้มาตรฐานสากล และเป็นไปตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
นอกจากนี้ เมื่อ สพร. มีการส่ง โอนหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลที่สาม ไม่ว่าเพื่อการให้บริการตามพันธกิจ ตามสัญญา หรือข้อตกลงในรูปแบบอื่น สพร. จะกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความลับที่เหมาะสมและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่ สพร. เก็บรวบรวมจะมีความมั่นคงปลอดภัยอยู่เสมอ
ทั้งนี้ สพร.ขอให้ข้อมูลกับผู้ใช้บริการว่า ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรับส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการจัดเก็บข้อมูลที่สมบูรณ์แบบหรือไม่มีช่องโหว่ที่ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ ประกอบกับอาจมีบุคคลภายนอกที่พยายามดักข้อมูลหรือทำการใด ๆ เพื่อเข้าถึงข้อมูลระหว่างการส่งข้อมูลหรือเข้ามาในระบบของผู้ใช้บริการหรือของ สพร. อย่างไม่มีสิทธิตามกฎหมาย และบุคคลดังกล่าวอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง
อย่างไรก็ดี สพร. มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือมีการเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Policy) ของ สพร.
- การมีส่วนร่วมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
สพร. จะเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคลก็ต่อเมื่อได้รับคำร้องขอจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยส่งคำร้องขอผ่าน DGA Contact Center ทางหมายเลขโทรศัพท์ ๐๒-๖๑๒-๖๐๖๐ หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ [email protected]
ในกรณีที่เจ้าของข้อมูล มีการคัดค้านการจัดเก็บ ความถูกต้อง หรือการกระทำใด ๆ เช่น การแจ้งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล สพร. จะดำเนินการบันทึกหลักฐานคำคัดค้านดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วย
ทั้งนี้ สพร. อาจปฏิเสธสิทธิตามวรรคสองได้ตามกรณีที่กฎหมายกำหนด หรือในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการถูกทำให้ไม่ปรากฏชื่อหรือสิ่งบอกลักษณะอันสามารถระบุตัวผู้ใช้บริการนั้นได้
- ความรับผิดชอบของบุคคลซึ่งประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
สพร. ได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่เฉพาะราย มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของ ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการได้ โดย สพร. ขอรับรองว่าจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ผู้นั้น ปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด
- การเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว
สพร. อาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบผ่านช่องทางเว็บไซต์ของ สพร. หรือช่องทางเฉพาะกิจกรรมที่ สพร. ดำเนินการ อย่างไรก็ดี สพร. ขอแนะนำให้ผู้ใช้บริการโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ ผ่านช่องทางดังกล่าวก่อนที่ผู้ใช้บริการจะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่ สพร.
การเข้าใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการของ สพร. ภายหลังการบังคับใช้ประกาศใหม่ ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในประกาศใหม่แล้ว ทั้งนี้ โปรดหยุดการเข้าใช้งานหากผู้ใช้บริการไม่เห็นด้วยกับรายละเอียดในประกาศฉบับนี้และโปรดติดต่อมายัง สพร. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป
- การติดต่อสอบถามหรือใช้สิทธิ
หากผู้ใช้บริการมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะหรือข้อกังวลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลของ สพร. หรือเกี่ยวกับนโยบายนี้ หรือผู้ใช้บริการต้องการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สามารถติดต่อสอบถามได้ที่
๑๓.๑ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
ฝ่ายพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลภาครัฐ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
สถานที่ติดต่อ : อาคารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) ชั้น ๔ เลขที่ ๙๙๙ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
ช่องทางการติดต่อ: โทรศัพท์ ๐-๒๖๑๒-๖๐๖๐ e-mail : [email protected]
๑๓.๒ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
สถานที่ติดต่อ : สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) อาคารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) ชั้น ๔ เลขที่ ๙๙๙ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
โทรศัพท์ ๐-๒๖๑๒-๖๐๖๐
ช่องทางการติดต่อ : [email protected]