กระทรวงวัฒนธรรมจับมือสรอ. เชื่อมเครือข่าย GIN ทุกหน่วย ปรับโฉมไอทีทั้งระบบ ลดซ้ำซ้อนประหยัดงบ


16 March 2558
1513

กระทรวงวัฒนธรรมจับมือสรอ. เชื่อมเครือข่าย GIN ทุกหน่วย ปรับโฉมไอทีทั้งระบบ ลดซ้ำซ้อนประหยัดงบ สรอ.เดินแผนต่อพร้อมจับมือเข้าคลาวด์ภาครัฐ รับแนวโน้มวัฒนธรรมยุคดิจิตอลหลั่งไหล

ศาสตราจารย์อภินันท์ โปษยานนท์รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า การทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมกับสำนักงานรัฐบาล อิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือสรอ. เพื่อใช้งานเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ (Government Information Network : GIN)ในครั้งนี้ จะส่งผลอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของกระทรวงวัฒนธรรม โดยทางสรอ.จะเข้ามาให้บริการโครงสร้างพื้นฐานโดยนำเครือข่ายสื่อสารข้อมูล เชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐมารองรับด้านการรับ-ส่ง และการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ถือเป็นการลดความซ้ำซ้อนของระบบฐานข้อมูลทั้งหมด และเป็นการเพิ่มฐานการให้บริการประชาชนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยใน ระยะยาว

ปัจจุบันการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่กับงานวัฒนธรรมของประเทศไทย เริ่มมีบทบาทต่อกันมากขึ้น โดยแบ่งเป็นสองส่วนนั่นคือ การบริหารงานภายในกระทรวงวัฒนธรรมเอง ที่มีการเชื่อมโยงระหว่างกรมต่างๆ กับหน่วยงานประจำจังหวัด และระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมกับกระทรวงอื่นๆ จนถึงการเชื่อมโยงกับรัฐบาล ส่วนที่สองคือส่วนของการเชื่อมโยงกับประชาชน ซึ่งนับวันความต้องการใช้เทคโนโลยีผ่านเครือข่ายเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมกำลัง มีมากขึ้นจนเครือข่ายเดิมไม่สามารถรองรับได้

ที่ผ่านมาการติดตั้งเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงาน ของกระทรวงวัฒนธรรม ใช้ระบบจัดซื้อและติดตั้งตามงบประมาณประจำปี ทำให้การติดตั้งให้ครบทุกหน่วยงานทำได้ยาก โดยในปัจจุบันมีสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกว่า 40 แห่งที่ยังไม่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และเชื่อมโยงข้อมูลเข้าหากับหน่วยงานส่วนกลาง และเชื่อมโยงระหว่างสำนักงานได้

อีกทั้งระบบการจัดซื้อในภาครัฐยังต้องอิงกับกฎระเบียบแบบเดิมคือ ต้องจัดหาผู้ให้บริการที่เสนอราคาต่ำสุด ทำให้ระบบของแต่ละสำนักงานที่ติดตั้งไปแล้ว มีผู้ให้บริการที่แตกต่างกัน ทั้งเครื่องมือ ความเร็ว ราคา และการบริการ การเชื่อมโยงระหว่างกันทำได้แค่การใช้บริการพื้นฐานทางอินเทอร์เน็ตเท่านั้น

ขณะที่ในปัจจุบันความต้องการเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันระหว่างสำนักงานมีมากขึ้น ความต้องการใช้แบนด์วิธหรือความเร็วของระบบอินเทอร์เน็ตก็มีมากขึ้น แต่หากยังใช้ระบบเดิมคาดว่ากว่าจะเชื่อมโยงเครือข่ายครบทุกสำนักงานอาจใช้ เวลาอีกหลายปี อีกทั้งการทำการเชื่อมโยงกับหน่วยงานอื่นๆ เช่นการใช้ฐานข้อมูลร่วมกัน การเดินเอกสาร หรือการรับรองเอกสาร และอื่นๆ ก็จะมีความยุ่งยากอย่างมาก รวมถึงการลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลเองในแต่ละจุดก็เป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มต่อ การใช้งานจริงอีกต่อไป

นอกจากนั้นในส่วนของบริการภาคประชาชนในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องจากลักษณะงานตั้งอยู่บนพื้นฐานของการใช้งานด้านมัลติมีเดียอย่างมาก เพราะจำเป็นต้องสื่อสารให้เข้าใจ และเข้าถึง ดังนั้นขนาดของไฟล์ และรูปแบบการสื่อสารนั้นนอกจากจะต้องใช้พื้นที่มากกว่าแล้วยังต้องการความ เร็วในการเข้าถึงมากกว่าอีกด้วย จึงจำเป็นต้องทำระบบให้มีความเสถียรและรองรับปริมาณความต้องการการใช้งาน ทั้งภายในและภายนอกอย่างครบถ้วน

ในเบื้องต้นสรอ.จะเข้ามาให้บริการ GIN กับกระทรวงวัฒนธรรม ในสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจำนวน 43 แห่งก่อน ซึ่งสำนักงานเหล่านี้ยังไม่เคยติดตั้งระบบเครือข่ายมาก่อน ดังนั้นนอกจากจะทำให้สำนักงานเป้าหมายสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นพื้น ฐานแล้ว ยังทำให้เกิดระบบอินทราเน็ตระหว่างสำนักงานด้วยกันได้ เกิดระบบเครือข่ายข้อมูลเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานเป็นเส้นทางในการรับ-ส่ง ข้อมูลระหว่างหน่วยงาน และสามารถใช้งานให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลาอย่างต่อ เนื่อง และจุดที่สำคัญคือสามารถเข้าไปใช้บริการพื้นฐานต่างๆ ที่สรอ.มี เช่นระบบ Mail go Thai หรือระบบการเชื่อมฐานข้อมูลกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น เลขทะเบียน 13 หลักในบัตรประชาชนของกรมการปกครอง เป็นต้น

ในระยะเวลาอันใกล้ต่อจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรมก็จะปรับเปลี่ยนการใช้งานระบบเครือข่ายในสำนักงานอีก 33 แห่ง ให้เข้ามาใช้ระบบ GIN ต่อไป และกระทรวงวัฒนธรรมก็จะเตรียมแผนการให้สรอ.เข้ามาพัฒนาและประยุกต์ใช้ระบบ บริการภาครัฐที่ส่วนราชการสามารถใช้ร่วมกันอย่างเต็มระบบต่อไป

สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจ่ากไปของกระทรวงวัฒนธรรมคือ การบริหารงานภายในจะมีความสะดวกมากขึ้น เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพดีขึ้น และยังเป็นการประหยัดงบประมาณจำนวนมาก เป็นการลดความซ้ำซ้อนของการทำงานลง นอกจากนั้นทางกระทรวงวัฒนธรรมจะก้าวเข้าไปอีกขั้นคือการเข้าไปใช้บริการ คลาวด์ภาครัฐ หรือ Government Cloud Computing ของสรอ.ซึ่งจะทำให้กระทรวงวัฒนธรรมได้นำระบบศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นโครงการเก็บรวบรวมวัฒนธรรมของแต่ละจังหวัด และมีการแบ่งหมวดหมู่ไว้อย่างดีมาให้บริการเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ให้กับ ประชาชนได้อย่างสะดวกมากขึ้น และยังได้นำโครงการไอเลิฟไทยคัลเจอร์ มาเข้าสู่บริการนี้พร้อมกันด้วย ซึ่งจะทำให้ระบบของกระทรวงวัฒนธรรมมีความเสถียรและมีระบบรักษาความปลอดภัย ที่มากขึ้น บริการแก่ประชาชนดีขึ้นนั่นเอง

ดร.ศักดิ์ เสกขุนทดผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาล อิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือสรอ. เปิดเผยว่า จากแผนงานของสรอ.ที่เน้นการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเครือข่ายให้ กับภาครัฐ โดยหวังให้เกิดการใช้งานร่วมกับเครือข่ายข้อมูลที่หน่วยงานรัฐนั้นใช้อยู่ ก่อนแล้ว และเข้าไปเป็นเครือข่ายหลักในจุดที่เครือข่ายยังเข้าไม่ถึง เพื่อให้ภาครัฐได้ใช้ประโยชน์จากเครือข่าย GIN ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะที่กระทรวงวัฒนธรรมเองก็เข้าใจแนวทางนี้และเห็นว่าเครือข่าย GIN จะเข้ามาช่วยเรื่องการประหยัดงบประมาณสำหรับการติดตั้งเครือข่ายใหม่ และลดการซ้ำซ้อนด้านการเชื่อมโยงข้อมูลทั้งระบบของกระทรวงได้ ทำให้เกิดการร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในโครงการบูรณาการเครือ ข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐขึ้นมาในครั้งนี้

สิ่งที่สรอ.จะเข้าไปจัดการในส่วนแรกคือ การเข้าไปให้บริการโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเครือข่ายแก่สำนักงานวัฒนธรรม จังหวัดทุกแห่ง และกรมกองทั้งหมดของกระทรวงวัฒนธรรมในอนาคต โดยเริ่มต้นที่ความเร็วอินเทอร์เน็ตต่อแห่งที่ 2 Mbs หากเมื่อดำเนินการไปแล้วมีปริมาณการใช้งานแบนด์วิธเพิ่มขึ้นอย่างมีสาระ สำคัญทางสรอ.ก็จะเพิ่มให้ตามจำนวนการใช้งานจริงโดยไม่คิดมูลค่าแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการติดตั้งระบบ GIN ของสรอ.ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการเชื่อมโยงระบบของทั้งกระทรวงทั้ง หมด ซึ่งจะทำให้เป็นตัวอย่างของการใช้โครงสร้างพื้นฐานทางอินเทอร์เน็ตที่เชื่อม โยงในที่เดียวกัน นอกจากจะประหยัดงบประมาณแล้ว ยังทำให้กระทรวงวัฒนธรรมลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเครือข่าย และไม่ต้องมายุ่งยากเรื่องกฎระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างอีกด้วย ทำให้สามารถนำเวลามาพัฒนาบริการหรือแอพพลิเคชันใหม่ๆ ได้ทันที

สิ่งที่สองที่สรอ.จะเข้าไปดำเนินการคือ การทำหน้าที่ที่ปรึกษาระบบงานด้านไอทีให้กับกระทรวงวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นการวางโครงสร้างสถาปัตยกรรม การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่ต่อยอดจากระบบ GIN ในปัจจุบัน เช่นระบบคลาวด์ภาครัฐ เป็นต้น

นอกจากนั้นสรอ.จะเร่งประสานให้หน่วยงานในท้องถิ่น ซึ่งในที่นี้คือสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด สามารถเชื่อมโยงกับระบบเครือข่ายในจังหวัดด้วยกันเอง ถือเป็นการทำงานข้ามหน่วยงาน แต่ยังอยู่บน GIN ที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทำให้การพัฒนาไปสู่ระบบ Smart Province ในอนาคตอันใกล้ทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งขณะนี้กำลังมีการทดลองดำเนินการที่จังหวัดนครนายก ก็จะทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเชือมโยงข้อมูล เข้ากับงานของกระทรวงวัฒนธรรมในแต่ละจังหวัดได้โดยตรง

ในด้านการใช้งานที่สำคัญที่สรอ.จะต้องไปดำเนินการเร่งด่วนให้กับกระทรวง วัฒนธรรมในช่วงนี้คือ การวางระบบ GIN ให้ใช้งานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยต้องใช้งานโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต หรือ IP Phone ไปยังสำนักงานส่วนต่างๆ ได้ เพื่อทำให้พื้นที่เหล่านี้มีช่องทางการติดต่อสื่อสารที่หลากหลาย และเกิดการเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่น้อยที่สุด มีผลต่อการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอย่างมาก

สิ่งหนึ่งที่ทางสรอ.เห็นเป็นแนวโน้มสำคัญต่อจากนี้ไปก็คือ งานที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมจะเข้ามาเกี่ยวเนื่องกับระบบไอทีมากขึ้น เพราะขณะนี้มีงานวัฒนธรรมที่หลากหลายถูกแปลงเข้าไปสู่รูปแบบดิจิตอล ทั้งในเรื่องของวิดีโอ แอนิเมชัน หรือการเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ งานเหล่านี้ต้องการความพึงพอใจทางด้านการแสดงผลค่อนข้างสูง และจะถูกปฏิเสธหากมีโครงสร้างพื้นฐานในการแสดงผลที่ต่ำ การใช้งานช้า ดังนั้นการวางโครงสร้างพื้นฐานในส่วนนี้จึงมีความจำเป็นอย่างมาก และนับวันจะขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกทีแบบไม่มีขีดจำกัด สิ่งที่สรอ.เตรียมให้กับกระทรวงวัฒนธรรมในวันนี้และในอนาคตจึงเท่ากับเป็น การสนับสนุนการทำงานทั้งในระยะสั้นและระยะยาวให้กับวัฒนธรรมของชาติที่จะได้ ถ่ายทอดในรูปแบบดิจิตอล และสามารถขยายวงออกไปได้ในระดับโลกต่อไป

นอกจากระบบ GIN และบริการพื้นฐานอื่นๆ ทั่วไปแล้ว ทางสรอ.ยังเปิดช่องให้กระทรวงวัฒนธรรมก้าวเข้าสู่ระบบ Government Cloud Computing ได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย โดยทางทีมที่ปรึกษาของสรอ.จะเข้าไปร่วมคัดกรอง และช่วยให้เกิดการคิดค้นพัฒนาเว็บเบสแอพพลิเคชันเพื่อมาใช้งานในระบบคลาวด์ มากขึ้น ทำให้การให้บริการของกระทรวงวัฒนธรรมต่อประชาชนทั่วไปมีความสะดวกมากกว่า เดิม ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นผลภายในปีหน้า หรือปีงบประมาณ 2556