รมต.อนุชา มั่นใจระบบ Thailand Pass พร้อมอำนวยความสะดวกรับนักท่องเที่ยวแล้ววันนี้
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะประกอบด้วย นายอนุรุทธิ์ นาคาศัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดร.วีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ประธานคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) และ นางอารีย์พันธ์ เจริญสุข รองเลขาธิการ ก.พ.ร. เข้าเยี่ยมชม ‘ระบบ Thailand Pass’ โดยมี นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้การต้อนรับ และนำชมการสาธิตการคัดกรองนักท่องเที่ยวงผ่านระบบ Thailand Pass ร่วมกับ นายนฤชัย นินนาท ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล นพ.โรม บัวทอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พร้อมแนะนำการใช้งานโดย คุณณพิชญา เทพรอด ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เพื่อยืนยันความมั่นใจพร้อมรับนักท่องเที่ยวให้สามารถเข้ามาเยือนประเทศไทยได้อย่างสะดวก ปลอดภัย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564
นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการประกาศเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ที่จะให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเน้นเฉพาะผู้ที่เดินทางเข้ามาทางอากาศ เดินทางเข้าประเทศได้สะดวกมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งผ่อนปรนมาตรการเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของในประเทศอีกหลายพื้นที่ เนื่องจากสถานการณ์ทั่วโลกมีแนวโน้มคลี่คลายดีขึ้น ‘ระบบ Thailand Pass’ จึงถูกพัฒนาขึ้นโดยกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เพื่อรับรองการเข้ามาของนักท่องเที่ยวและผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายสนับสนุนนโยบายอำนวยความสะดวกการเดินทาง ภายใต้คอนเซ็ปต์ Ease of Traveling หลังการเปิดประเทศ โดยให้ผู้เดินทางทั้งคนไทยและต่างชาติสามารถเข้าไปลงทะเบียน กรอกข้อมูลและอัปโหลดเอกสารต่าง ๆ ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย แทนการออกเอกสาร Certificate of Entry (COE) เพื่อลดเวลา/ขั้นตอนการกรอก และลดความแออัด อีกทั้งระบบ Thailand Pass ยังสร้างความมั่นใจได้ว่าระบบมีความน่าเชื่อถือในเรื่องการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรฐานยุโรป EU (Minimum Data Set)
ด้าน นายนฤชัย นินนาท ผอ. กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบ Thailand Pass จะนำมาแทนการออกเอกสารแบบ COE ซึ่งยุติการลงทะเบียน ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 หลังจากที่ระบบบ Thailand Pass เปิดให้บริการ โดยกรมการกงสุลมีการจัดทำ FAQs (คำถามที่พบบ่อย) แบบ 2 ภาษา สำหรับแนะนำการลงทะเบียนและขั้นตอนอนุมัติ พร้อมรายละเอียดเอกสารประกอบการลงทะเบียนอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศศึกษาด้วยตนเองได้ง่ายๆ ที่เว็บไซต์ https://consular.mfa.go.th/th/content/thailand-pass-faqs-2 ทาง นพ.โรม บัวทอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวเสริมความมั่นใจถึงแนวทางการตรวจคัดกรองว่า ระบบ Thailand Pass สามารถตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารผ่านระบบ DHCR ด้วยการกำหนด Username Password และจำกัดสิทธิ์ในการเข้าถึง ทำให้สามารถติดตาม ตรวจสอบสถานการณ์การยืนยัน
เอกสารของผู้เดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ในด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ สำหรับดำเนินการตรวจคัดกรองและมีความพร้อมของห้องปฏิบัติการในการตรวจโรคโควิด 19 ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีความพร้อมรับนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศแล้ววันนี้
ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล กล่าวถึงประโยชน์ของระบบ Thailand Pass ให้ฟังว่า ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่ายทำให้ DGA สามารถออกแบบระบบได้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน ช่วยลดความแออัด และระยะเวลาที่รอคอยในสนามบิน โดยสามารถรองรับผู้ใช้งานที่จำเป็นต้องผ่านการตรวจคัดกรองหน้าด่านได้ประมาณ 1,000 คน/ ชั่วโมง (แต่ละคนจะใช้เวลาประมาณ 17 วินาที ในการรอคอยการตรวจสอบเอกสาร) พร้อมช่วยเจ้าหน้าที่หน้าด่านในการลดเวลาในการตรวจคัดกรองได้ถึง 50% และลดความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ในการตรวจผู้เดินทางขาเข้า ด้วยการลดการสัมผัสเอกสารโดยตรง และเป็นระบบที่นำมาทดแทนการระบบ COE ที่ช่วยลดระยะเวลาในการพิจารณาเอกสารจากเดิม 1 สัปดาห์ เหลือเพียง 1-3 วัน เท่านั้น รวมถึงเพิ่มความพึงพอใจในการอำนวยความสะดวกเรื่องการยื่นเอกสารในรูปแบบดิจิทัลให้แก่นักท่องเที่ยวและบุคคลสัญชาติไทยที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยตามมาตรการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนระบบ Thailand Pass ผ่านเว็บไซต์ tp.consular.go.th แล้วจำนวน 30,960 คน และได้รับอนุมัติแล้วประมาณ 4,470 คน (ข้อมูล ณ 2 พ.ย. 2564)
ตัวอย่างเช่น สำหรับนักท่องเที่ยว สามารถใช้แสดงเมื่อเดินทางถึงประเทศไทยให้กับเจ้าหน้าที่ที่ด่านควบคุมโรค และแสดงให้แก่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ข้อมูล Vaccine ขณะอยู่ในประเทศไทย สามารถใช้แสดงกับภาคบริการต่าง ๆ เมื่อเข้าใช้บริการ เช่น ร้านอาหาร สปา โรงแรม สนามกีฬา ห้องประชุม เป็นต้น อำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบความถูกต้อง เพียงใช้กล้องจากสมาร์ตโฟนไม่ต้องใช้แอปพลิเคชันพิเศษโดยเฉพาะเพื่อใช้ในการเฉพาะตรวจสอบ และสามารถใช้ Line หรือ WeChat ตรวจสอบได้จากการสแกน QR code ได้อีกด้วย